งานวิจัยใน สหรัฐ พบว่า โควิด อาจถูกพบครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วง คริสต์มาส ปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ทางการประกาศพบผู้ป่วยคนแรก เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน สำนักข่าว ABC รายงานว่า งานวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรคโควิด-19 อาจถูกพบครั้งแรกในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ปี 2562 หลังจากที่งานวิจัยได้ทำการตรวจเลือดชาวอเมริกันกว่า 24,000 คน
ช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นช่วงเวลาหลายสัปดาห์
ก่อนที่ทางการสหรัฐฯจะพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายแรกภายในประเทศ โดยผู้ป่วยรายแรกที่ถูกพบในวันที่ 15 มกราคม ปี 2563 ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางจากนครอู่ฮั่น อดีตศูนย์กลางการแพร่ระบาดในจีน แม้ว่างานวิจัยชนิดนี้จะยังไม่เป็นที่ถกเถียงกันในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ และยังไม่เป็นที่ยืนยัน แต่นักวิทศาสตร์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการค้นพบเชื้อไวรัสจริงในประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนที่โรคโควิดจะแพร่ระบาดไปทั่วโลก
นาง นาธาเลีย ทอร์นเบิร์ก นักวิจัยประจำศูนย์ควบคุมโรค (CDC) ได้ให้สัมภาษณ์ว่า งานวิจัยได้ให้ข้อมูลสม่ำเสมอว่าโควิดอาจถูกพบในประเทศสหรัฐฯ ก่อนที่เชื้อจะแพร่ระบาดไปทั่วโลก ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าผู้ป่วยอาจจะไม่แสดงอาการ และไม่ได้แพร่เชื้อ ทำให้แพทย์ไม่สามารถถึงการมีตัวตนของเชื้อไวรัส
หากอ้างอิงประกาศอย่างเป็นทางการของ CDC ระบุว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิดในประเทศสหรัฐฯเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ก็ตามงานวิจัยหลายชิ้นรวมถึงงานวิจัยที่ถูกทำขึ้นโดย CDC ได้ระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่เชื้ออาจถูกพบก่อนหน้านี้
ด้านนาย วิลเลียม ฮาเนจ ผู้เชี่ยวชาญประจำมหาวิทยาลัยฮาเวิร์ดระบุว่า แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ว่าโควิดอาจถูกพบในช่วงเวลาดังกล่าวจริง แต่การหาข้อแตกต่างระหว่างภูมิต้านทานโรคโควิด กับ ภูมิต้านทานไข้หวัด เป็นเรื่องที่ยาก
โจ ไบเดน และ วลาดิเมียร์ ปูติน สองผู้นำจากประเทศมหาอำนาจของโลกได้เข้าหารือประชุมสุดยอดผู้นำ เชื่อมีโอกาสฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน สำนักข่าว BBC ได้รายงานว่า นาย วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และ นาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เข้าหารือในประเด็นต่างๆ ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นระยะเวลานานกว่าสามชั่วโมง
อิสราเอล ยิงขีปนาวุธ ถล่มฉนวนกาซา อีกครั้ง
ทั่วโลกต้องกลับมาจับตาอีกครั้ง หลัง อิสราเอล ยิงขีปนาวุธ โต้ตอบกองกำลัง ฮามาส ถือเป็นความรุนแรงครั้งแรก หลังจากที่สองฝ่ายประกาศหยุดยิง เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน สำนักข่าว BBC รายงานว่า กองทัพอิสราเอล ได้ออกแถลงว่าเครื่องบินรบของกองทัพได้ทำการจู่โจมทางกาศฐานทัพของกองทัพฮามาส โดยระบุว่าพวกเขาได้รับรายงานถึงพฤติกรรมก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในสถานที่ดังกล่าว
ซึ่งทางกองทัพอิสราเอลยืนยันว่าพวกเขาเตรียมพร้อมจะรับมือกับทุกสถานการณ์รวมถึงกลับมาใช้ความรุนแรงอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงหยุดยิง เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ยังไม่มีการยืนยันว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการจู่โจมทางอากาศครั้งนี้หรือไม่
โดยการจู่โจมครั้งนี้เกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่มีบอลลูนไฟลอยจากฉนวนกาซาเข้ามาในประเทศอิสราเอล จนเป็นเหตุให้เกิดไฟไหม้กว่า 20 จุดในทางใต้ของประเทศอิสราเอล
ย้อนกลับไปในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อิสราเอล และ กองทัพฮามาส ได้มีการปะทะกันต่อเนื่องนาน 11 วัน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 ศพ โดยทางการปาเลสไตน์ระบุว่ามีประชาชนอย่างน้อย 243 ศพ เสียชีวิตจากเหตุความรุนแรงครั้งนี้ ในจำนวนดังกล่าวเป็นเด็กและสตรี 100 ศพ
โดยนาย ปูติน ได้ให้สัมภาษณ์ว่าการหารือครั้งนี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ พร้อมระบุว่าทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเดินหน้าให้ตัวแทนของทั้งสองฝั่งร่วมหารือเพื่อเยียวยาความสัมพันธ์ระหว่างของทั้งสองประเทศต่อไป
ขณะที่นาย ไบเดน กล่าวถึงการหารือครั้งนี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า เป็นประชุมที่ดี โดยผู้นำสหรัฐฯกล่าวว่าเขาและปูตินมองถึงความเป็นไปได้ที่จะทำงานร่วมกันในพื้นที่ที่เคยเป็นข้อพิพาท เช่น อิหร่าน, อาร์คติก และ ซิเรีย เป็นต้น
ทั้งนี้ผู้นำรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธเรื่องการโจมตีทางไซเบอร์ ขณะที่นายไบเดนได้กล่าวเตือนว่า ห้ามมีการโจมตีทางไซเบอร์กับสาธารณูปโภคที่สำคัญ เช่น น้ำ พลังงาน
นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นขัดแย้งกันถึงเรื่องสิทธิมนุษยและสิทธิ์ในการออกมาประท้วง เช่นกรณีของ นายอเล็กเซ นาวัลนี ที่ผู้นำรัสเซียระบุว่าผู้ประท้วงรายนี้ไม่สนใจกฎหมาย และปฏิเสธข้อกล่าวว่า รัฐเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษอริทางการเมืองของปูติน
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง